เนื่องจากขณะนี้ กทม.เตรียมจัดเก็บค่าเก็บขยะอัตราใหม่จาก 20 บาทต่อเดือน เป็น 60 บาทต่อเดือน ซึ่งจะมีผลบังคับใช้ในช่วงกลางปีหรือปลายปีนี้ ขณะที่บางบ้านคัดแยกขยะไม่เทรวมอยู่แล้ว แต่รอบนี้ถือเป็นประวัติศาสตร์ที่จะการแยกขยะพร้อมกันทั้ง กทม. มีกฎระเบียบ ค่าธรรมเนียมมากำกับ หวังผลช่วยลดปัญหาสิ่งแวดล้อมและลดค่าใช้จ่ายในการกำจัดขยะที่ต้องใช้ 7,000 ล้านบาทต่อปี
นายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ กล่าวว่า ในกทม.เก็บขยะได้ 10,000 ตันต่อวัน ส่วนใหญ่ 50% เป็นขยะเศษอาหารถูกปะปนกับขยะที่รีไซเคิลทำให้ขยะเน่าและมีกลิ่น มีรายได้จากส่วนนี้ 500 ล้านบาทต่อปี หัวใจไม่ใช่เพิ่มเงินจากการเก็บขยะ แต่ต้องการลดขยะจากต้นทาง
ดังนั้นจึงต้องลดขยะที่ต้นทางจากครัวเรือน ที่ผ่านมามีการคัดแยกจากห้างสรรพสินค้าและผู้ประกอบการ 4,600 แห่งและได้ขยะที่ลดได้ 1,000 ตันต่อวัน จึงจะเริ่มในส่วนของประชาชนตั้งเป้าอีก 1,000 ตันต่อวัน

ขยะเยอะจ่ายเยอะ-จูงใจแยกขยะ
-
สำหรับการจัดกลุ่มผู้ชำระค่าธรรมเนียมจัดการเก็บขยะแบ่งเป็น 3 กลุ่ม ดังนี้
-
กลุ่มที่ 1 บ้านพักอาศัย คอนโดมิเนียม แฟลต หมู่บ้านจัดสรร และชุมชนที่มีขยะไม่เกิน 20 ลิตรหรือ 4 กก.คิดอัตรา ไม่แยกขยะ 60 บาทต่อเดือน คัดแยกขยะ 20 บาทต่อเดือน
-
กลุ่มที่ 2 ร้านอาหาร สถานประกอบการขนาดเล็ก ร้านสะดวกซื้อ ขยะเกินวันละ 20 ลิตรแต่ไม่เกิน 1 ลบ.ม. หรือ 200 กก. ทิ้งเยอะจ่ายมาก 120 บาทต่อหน่วย
-
กลุ่มที่ 3 ห้างสรรพสินค้า ตลาด สถานประกอบการขนาดใหญ่ ขยะเกินวันละ 1 ลบ.ม. (200 กก.) และทิ้งเยอะ จ่ายมาก 8,000 บาท หน่วยละ 1 ลบ.ม.

เช็กก่อน (ไม่เทรวม) แยกถุง
-
ขยะทั่วไป เช่น ถุงพลาสติกเปื้อนอาหาร ซองบะหมี่ ถุงขนม
กล่องโฟม ผ้าอ้อมสำเร็จรูป ถุงแกง หลอดยาสีฟัน ถุงเติม ทิชชู่เปียก
-
ขยะเศษอาหาร เช่น เศษผักผลไม้ เศษอาหาร เศษเนื้อสัตว์
-
ขยะรีไซเคิล เช่น กระดาษ พลาสติก แก้ว โลหะ
-
ขยะอันตราย เช่น หลอดไฟ แบตเตอรี่ ถ่านไฟฉาย ยาหมดอายุ กระป๋องสเปรย์ ขวดน้ำยาล้างห้องน้ำ





